หน้าที่หลัก: อุปกรณ์สำหรับเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ในบ้าน เปรียบเสมือน “แบตเตอรี่แบบชาร์จซ้ำได้ขนาดใหญ่”
วัตถุประสงค์หลัก: เพื่อเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ในเวลาที่จำเป็น (เช่น ช่วงที่ค่าไฟฟ้าแพงสูงสุด การไฟฟ้าดับ หรือเวลากลางคืน) และปล่อยไฟฟ้าออกมาใช้งานในบ้านเรือน
การผสมผสานที่พบบ่อย: โดยปกติจะนำมาใช้ร่วมกับแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา เพื่อสร้างเป็นระบบ “PV+storage” (หรือที่เรียกว่าระบบ “photovoltaic storage” หรือ “solar battery”) นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จไฟจากสายส่งโดยตรงเท่านั้น (โดยเฉพาะเมื่อค่าไฟฟ้าถูก)
1. แบตเตอรี่สำหรับเก็บพลังงาน: หัวใจสำคัญของระบบ ใช้เพื่อเก็บพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมคือ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (เช่น ลิเธียมเฟอไรฟอสเฟต ซึ่งได้รับการใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากความปลอดภัยและอายุการใช้งานยาวนาน)
2. อินเวอร์เตอร์: อุปกรณ์สำคัญ ทำหน้าที่:
l แปลงกระแสไฟฟ้าตรง (DC) ที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์เซลล์ให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้าสลับ (AC) ที่สามารถนำไปใช้ในบ้านได้
l แปลงพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่ให้เป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เพื่อใช้ในบ้าน
l ควบคุมการไหลของไฟฟ้าระหว่างแผงโซลาร์เซลล์ (PV) แบตเตอรี่ เครือข่ายไฟฟ้า และโหลดภายในบ้าน (ในบางระบบอินเวอร์เตอร์จะถูกรวมเข้าไว้กับแบตเตอรี่)
3.ระบบจัดการพลังงาน (Energy Management System): เป็นสมองหลักของระบบ โดยปกติจะประกอบด้วยซอฟต์แวร์ร่วมกับคอนโทรลเลอร์แบบฮาร์ดแวร์
l ตรวจสอบปริมาณการผลิตพลังงาน (จากแสงอาทิตย์) การใช้งานพลังงาน และสถานะของแบตเตอรี่
l ควบคุมการชาร์จและปล่อยประจุไฟฟ้าอย่างชาญฉลาดตามกลยุทธ์ที่ตั้งไว้ (เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเอง ประหยัดค่าไฟฟ้า หรือสำรองไฟ)
l ผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลและการควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
4.อื่น ๆ: กล่องกระจายไฟ เคเบิล อุปกรณ์ตรวจสอบ ฯลฯ
1. เพิ่มอัตราการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เองได้มากขึ้น:
ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ได้ถูกใช้หมดในช่วงเวลากลางวัน สามารถเก็บไว้ใช้ในตอนกลางคืน ลดการพึ่งพาเครือข่ายไฟฟ้าและค่าไฟฟ้าแพง
2. ประหยัดค่าไฟฟ้า (การซื้อขายช่วงพีคและช่วงวัลเลย์):
ชาร์จไฟจากกริดในช่วงที่ราคาถูก (เช่น ช่วงดึก) และใช้พลังงานที่เก็บไว้ในช่วงเวลาเรียกใช้งานสูง (เช่น ช่วงเย็น) เพื่อหลีกเลี่ยงค่าไฟฟ้าที่สูง
3. จัดหาไฟฟ้าสำรอง:
เปลี่ยนไปใช้พลังงานแบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในกรณีที่กริดไฟฟ้าขัดข้อง เพื่อปกป้องการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญ (ตู้เย็น, ระบบแสงสว่าง, อินเทอร์เน็ต เป็นต้น) และเพิ่มความทนทานของการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มักจะเกิดสภาพอากาศรุนแรงหรือกริดไฟฟ้าไม่มั่นคง
4. ส่งเสริมความเป็นอิสระทางพลังงาน:
ลดการพึ่งพากริดไฟฟ้าแบบดั้งเดิมและแหล่งพลังงานฟอสซิล และเพิ่มความสามารถในการผลิตพลังงานเองภายในครัวเรือน
5. สนับสนุนพลังงานสะอาด:
ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่สะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
1. ในช่วงเวลากลางวัน (มีแสงแดด):
แผงโซลาร์ผลิตไฟฟ้า ➜ ให้ความสำคัญกับการใช้ในบ้านแบบเรียลไทม์
ไฟฟ้าส่วนเกิน ➜ ชาร์จแบตเตอรี่สำรองไฟ
เมื่อแบตเตอรี่สำรองไฟเต็มและยังมีพลังงานเหลืออยู่ ➜ สามารถเลือกขายเข้าระบบกริดได้ (หากนโยบายอนุญาต)
2. ตอนเย็น/กลางคืน (ไม่มีแสงแดดหรือราคาไฟฟ้าช่วงพีค):
ไฟฟ้าภายในครัวเรือน ➜ ให้ความสำคัญกับการใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สำรองพลังงาน
เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ➜ เปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าจากสายส่งโดยอัตโนมัติ
3. เกิดเหตุขัดข้องของระบบสายส่ง:
ระบบจะถูกตัดการเชื่อมต่อกับสายส่งโดยอัตโนมัติ (ระบบป้องกันเกาะไฟฟ้า)
แบตเตอรี่สำรองจ่ายไฟให้กับวงจรที่กำหนดหรือโหลดที่สำคัญภายในบ้านผ่านอินเวอร์เตอร์ ➜ (โหมดสำรองไฟฟ้า)
4. เมื่อค่าไฟฟ้าถูกลง (เช่น ช่วงดึก):
ระบบสามารถชาร์จไฟจากสายส่งใหม่ เพื่อกักเก็บไฟฟ้าในช่วงที่ราคาถูกไว้ใช้ในช่วงเวลาเรียกเก็บค่าไฟฟ้าสูงของวันรุ่งขึ้น
● ความจุที่ปรับเปลี่ยนได้: เลือกได้ตั้งแต่เพียงไม่กี่กิโลวัตต์ไปจนถึงหลายสิบกิโลวัตต์ เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของครอบครัวที่แตกต่างกัน
● ออกแบบเป็นแบบโมดูล: สะดวกต่อการขยายกำลังการผลิตตามต้องการ (เช่น การเพิ่มโมดูลแบตเตอรี่)
● อัจฉริยะ: การตรวจสอบระยะไกลผ่านแอปพลิเคชัน กลยุทธ์การชาร์จและคายประจุที่ปรับให้เหมาะสมด้วย AI และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในบ้านอัจฉริยะ
● ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น: ออกแบบมาเพื่อป้องกันไฟไหม้ ป้องกันการระเบิด และการจัดการความร้อนเป็นหลัก (เช่น การใช้แบตเตอรี่ลิเธียมเหล็กฟอสเฟตที่ปลอดภัยกว่า ระบบดับเพลิงในตัว)
● การติดตั้งแบบง่าย: ออกแบบเป็นแบบ "เสียบแล้วใช้งาน" เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง